ในกรณีที่นักศึกษาพบข้อมูลขัดแย้งระหว่างสิ่งที่ผู้ถูกศึกษาพูดกับสิ่งที่ครูเล่า การวิเคราะห์ควรเลือกเชื่อข้อมูลจากผู้ที่ใกล้ชิดมากที่สุดเพียงฝ่ายเดียว เพื่อป้องกันการสับสนในรายงานกรณีศึกษา

หากรายงานกรณีศึกษาระบุชื่อจริงและที่อยู่ของผู้ถูกศึกษา จะทำให้รายงานมีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้มากขึ้นในสายตานักวิชาการ

ในโรงเรียนขนาดใหญ่ การใช้เทคนิคสังเกตและสัมภาษณ์ร่วมกัน ช่วยให้ได้ข้อมูลทั้งด้านพฤติกรรมจริงและความรู้สึกนึกคิดของนักเรียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อการวางแผนช่วยเหลือรายกรณี

การเลือกกรณีศึกษาควรเน้นเฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาชัดเจน เพื่อให้ได้ข้อค้นพบที่เป็นประโยชน์กับงานแนะแนวเท่านั้น

เมื่อนำข้อมูลจากแบบสอบถามมาใช้ในกรณีศึกษา นักศึกษาควรเปรียบเทียบกับผลสัมภาษณ์หรือการสังเกตเสมอ เพื่อป้องกันความเอนเอียงจากแหล่งข้อมูลเดียว

ข้อมูลประวัติครอบครัวของผู้ถูกศึกษา เช่น โครงสร้างหรือความสัมพันธ์ในบ้าน เป็นข้อมูลรองที่ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ในรายงานกรณีศึกษา

ในกรณีที่โรงเรียนมีวัฒนธรรมเฉพาะ เช่น กฎเข้มงวด หรือการสนับสนุนด้านศิลปะ นักศึกษาควรอ้างอิงบริบทนี้ในการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อผู้ถูกศึกษา

หากนักศึกษานำผลแบบทดสอบมาตรฐาน เช่น แบบวัดสติปัญญา หรือแบบทดสอบบุคลิกภาพ มาประกอบรายงาน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการวิเคราะห์รายกรณี

การตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับปัญหาของผู้ถูกศึกษา ควรทำหลังจากได้ข้อมูลครบถ้วนจากหลายแหล่ง เพื่อป้องกันการตีความเอนเอียงตั้งแต่ต้น

รายงานกรณีศึกษาที่ดีควรนำเสนอเฉพาะข้อเท็จจริง ไม่ควรวิเคราะห์หรือแปลความหมายใด ๆ เพื่อความเป็นกลาง

ถ้าผู้ถูกศึกษาปฏิเสธจะตอบคำถามบางข้อ นักศึกษาควรยุติการเก็บข้อมูลทันทีและไม่นำข้อมูลอื่นมาใช้

การติดตามข้อมูลต่อเนื่องในระยะยาวมีความสำคัญสำหรับการศึกษารายกรณี เพราะบางปัญหาหรือพฤติกรรมอาจเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป

ในกรณีที่นักเรียนมีพฤติกรรมแตกต่างอย่างชัดเจนในห้องเรียนกับนอกห้องเรียน การเก็บข้อมูลควรทำเฉพาะในห้องเรียนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกัน

หลักฐานประกอบเช่นแบบฟอร์มสัมภาษณ์ หรือแบบสอบถามที่ใช้งานจริง ควรแนบในภาคผนวกของรายงาน เพื่อให้ผู้อ่านตรวจสอบได้

การวิเคราะห์กรณีศึกษา ควรตัดความคิดเห็นของผู้ศึกษาทิ้งไปทั้งหมด เพื่อคงความเป็นกลางของข้อมูล

กรณีศึกษาที่วิเคราะห์อย่างถูกต้อง อาจนำไปใช้ปรับปรุงนโยบายโรงเรียนหรือแนวทางดูแลนักเรียนในภาพรวมได้

ในการเก็บข้อมูลรายกรณี แหล่งข้อมูลที่ควรหลีกเลี่ยงคือเพื่อนร่วมชั้นและครูประจำชั้น เพราะข้อมูลมีอคติสูง

การให้ผู้ถูกศึกษาสะท้อนความรู้สึก หรือมีส่วนร่วมออกแบบแนวทางช่วยเหลือ ถือเป็นจริยธรรมและส่งผลดีต่อการแก้ปัญหารายกรณี

รายงานกรณีศึกษาที่ดีควรระบุทั้งปัจจัยเสี่ยง (risk) และปัจจัยส่งเสริม (protective factor) ที่ส่งผลต่อผู้ถูกศึกษา

ในรายงานกรณีศึกษา นักศึกษาควรเน้นบรรยายเหตุการณ์ที่พบ โดยไม่จำเป็นต้องค้นหาสาเหตุหรือความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างข้อมูล