ส่วนประกอบใดของดวงตาที่ทำหน้าที่ปรับขนาดของรูม่านตาเพื่อควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่เลนส์ตา

• กระจกตา (Cornea)
• เรตินา (Retina)
• เลนส์ตา (Lens)
• ม่านตา (Iris)

เซลล์รับแสงชนิดใดที่ไวต่อแสงน้อยและทำหน้าที่หลักในการมองเห็นภาพในที่มืดสลัว

• เซลล์ปมประสาท (Ganglion Cell)
• เซลล์รูปกรวย (Cone Cell)
• เซลล์ประสาทสองขั้ว (Bipolar Cell)
• เซลล์รูปแท่ง (Rod Cell)

ภาวะสายตาสั้น (Myopia) เกิดจากสาเหตุใด

• กระบอกตายาวเกินไป ทำให้แสงรวมกันก่อนถึงเรตินา
• กระบอกตาสั้นเกินไป ทำให้แสงรวมกันหลังเรตินา
• กล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาไม่สามารถคลายตัวได้เต็มที่
• กระจกตาโค้งน้อยเกินไป ทำให้กำลังในการรวมแสงไม่เพียงพอ

บริเวณใดของเรตินาที่ให้ภาพคมชัดที่สุด เนื่องจากมีเซลล์รูปกรวย (Cone Cell) อยู่หนาแน่น

• จุดบอด (Blind Spot)
• โฟเวีย (Fovea)
• คอรอยด์ (Choroid)
• ตาขาว (Sclera)

การทำงานร่วมกันของส่วนประกอบใดที่ทำให้ดวงตาสามารถปรับโฟกัสเพื่อมองเห็นวัตถุในระยะใกล้และไกลได้ชัดเจน (Accommodation)

• เรตินา และ จุดบอด
• กล้ามเนื้อยึดเลนส์ตา (Ciliary muscle) และ เลนส์ตา (Lens)
• วุ้นในตา (Vitreous Humour) และ น้ำเลี้ยงลูกตา (Aqueous Humour)
• ม่านตา และ กระจกตา

ส่วนประกอบใดในหูชั้นกลางที่ทำหน้าที่ขยายแรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงที่ได้รับมาจากเยื่อแก้วหู

• ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube)
• ใบหู (Pinna)
• กระดูกค้อน ทั่ง และโกลน (Ossicles)
• คอเคลีย (Cochlea)

โครงสร้างใดในหูชั้นในที่มีของเหลวและเซลล์ขน (Hair cells) ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานกลจากการสั่นสะเทือนให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังสมองเพื่อการได้ยิน

• คอเคลีย (Cochlea)
• เซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล (Semicircular canals)
• เยื่อแก้วหู (Eardrum)
• กระดูกโกลน (Stapes)

เมื่อเราหมุนตัวอย่างรวดเร็วแล้วหยุดกะทันหัน แต่ยังรู้สึกว่าสิ่งรอบข้างหมุนอยู่ เป็นผลมาจากการทำงานของโครงสร้างใดที่ยังคงตอบสนองต่อการเคลื่อนที่

• ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube)
• เซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล (Semicircular canals)
• เยื่อแก้วหู (Eardrum)
• ออร์แกนออฟคอร์ติ (Organ of Corti)

การปรับความดันอากาศในหูชั้นกลางให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก เช่น ขณะขึ้นเครื่องบินหรือดำน้ำ เป็นหน้าที่หลักของส่วนใด

• กระดูกทั่ง (Incus)
• ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube)
• คอเคลีย (Cochlea)
• รูหู (Auditory canal)

ข้อใดเรียงลำดับการเดินทางของคลื่นเสียงได้ถูกต้องจนกระทั่งกลายเป็นสัญญาณประสาท

• ใบหู -> คอเคลีย -> เยื่อแก้วหู -> กระดูกหู
• ใบหู -> กระดูกหู -> เยื่อแก้วหู -> คอเคลีย
• ใบหู -> เยื่อแก้วหู -> กระดูกหู -> คอเคลีย
• ใบหู -> เยื่อแก้วหู -> คอเคลีย -> กระดูกหู

เซลล์ประสาทรับกลิ่น (Olfactory receptor cells) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับโมเลกุลของกลิ่นโดยตรงนั้น อยู่ในบริเวณใดของจมูก

• ผนังกั้นช่องจมูก (Nasal septum)
• ออลแฟกทอรีเอพิทิเลียม (Olfactory epithelium)
• ขนจมูก (Nasal hair)
• โพรงอากาศข้างจมูก (Paranasal sinuses)

ขั้นตอนแรกสุดในกระบวนการรับกลิ่นคืออะไร

• โมเลกุลของสารที่มีกลิ่นละลายในชั้นเมือกที่ปกคลุมเซลล์รับกลิ่น
• เซลล์ประสาทรับกลิ่นส่งสัญญาณไปยังออลแฟกทอรีบัลบ์
• สมองแปลผลว่าเป็นกลิ่นต่างๆ
• สัญญาณไฟฟ้าถูกส่งไปยังสมองส่วนซีรีบรัม

เหตุใดเมื่อเป็นหวัด คัดจมูก เราจึงรู้สึกว่ารสชาติของอาหารลดลงหรือไม่เหมือนเดิม

• เพราะสมองส่วนที่แปลผลรสชาติทำงานผิดปกติเมื่อป่วย
• เพราะเชื้อไวรัสทำลายปุ่มรับรสที่ลิ้นโดยตรง
• เพราะอาการหวัดทำให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายน้อยลง
• เพราะน้ำมูกที่หนาขึ้นขัดขวางไม่ให้โมเลกุลของกลิ่นไปถึงเซลล์รับกลิ่น

โครงสร้างใดทำหน้าที่เป็นสถานีแรกในการรวบรวมและประมวลผลสัญญาณประสาทจากเซลล์รับกลิ่น ก่อนส่งต่อไปยังสมองส่วนอื่นๆ

• ทาลามัส (Thalamus)
• ซีรีเบลลัม (Cerebellum)
• ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus)
• ออลแฟกทอรีบัลบ์ (Olfactory bulb)

ปรากฏการณ์ที่เมื่อเราอยู่ในห้องที่มีกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งเป็นเวลานานแล้วจะค่อยๆ ไม่ได้กลิ่นนั้น หรือได้กลิ่นน้อยลง เรียกว่าอะไร และเกิดจากสาเหตุใด

• Anosmia (ภาวะไม่รับรู้กลิ่น) เพราะเซลล์รับกลิ่นถูกทำลายถาวร
• Anosmia (ภาวะไม่รับรู้กลิ่น) เพราะเมือกในจมูกแห้งเกินไป
• Olfactory Fatigue (การชินกับกลิ่น) เพราะโมเลกุลของกลิ่นหมดไปจากอากาศ
• Olfactory Fatigue (การชินกับกลิ่น) เพราะเซลล์รับกลิ่นลดความไวในการตอบสนองต่อกลิ่นเดิมๆ

โครงสร้างบนลิ้นที่มีเซลล์รับรส (Gustatory cells) อยู่ภายใน และทำหน้าที่ตรวจจับสารเคมีที่ก่อให้เกิดรสชาติต่างๆ คืออะไร

• ต่อมน้ำลาย (Salivary gland)
• ตุ่มรับรส (Taste bud)
• เส้นประสาทลิ้น (Lingual nerve)
• พาพิลลา (Papillae)

ข้อใดคือความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรับรสของลิ้น

• อาหารแห้งสามารถกระตุ้นการรับรสได้ดีกว่าอาหารเหลว
• รสหวานจะรับรู้ได้ดีที่สุดที่ปลายลิ้นเท่านั้น
• รสเผ็ดเป็นหนึ่งในรสชาติพื้นฐานที่ตรวจจับโดยตุ่มรับรส
• ลิ้นสามารถรับรสชาติพื้นฐานได้ 5 ชนิด คือ หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม และอูมามิ

เหตุใดเราจึงสามารถแยกจุดสองจุดที่สัมผัสบนปลายนิ้วได้ดีกว่าบนแผ่นหลัง แม้ว่าระยะห่างของสองจุดนั้นจะเท่ากัน

• เพราะปลายนิ้วมีปลายประสาทรับความเจ็บปวดมากกว่า
• เพราะผิวหนังที่ปลายนิ้วบางกว่าที่แผ่นหลัง
• เพราะสมองส่วนที่รับสัญญาณจากแผ่นหลังมีขนาดเล็กกว่า
• เพราะที่ปลายนิ้วมีหน่วยรับความรู้สึก (Receptors) หนาแน่นกว่าที่แผ่นหลัง

ผิวหนังทุกส่วนของร่างกายมีความหนาแน่นของตัวรับสัมผัสเท่ากัน ทำให้ความไวในการรับรู้การสัมผัสเท่ากันหมด

ตัวรับสัมผัสส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้การสัมผัสแบบละเอียด (fine touch) และแรงกดเบาๆ มักพบอยู่ในผิวหนังชั้นใด?

• หนังกำพร้า (Epidermis)
• หนังแท้ (Dermis)
• ชั้นใต้ผิวหนัง (Hypodermis)
• กล้ามเนื้อ