ข้อใดต่อไปนี้แสดงถึงอิทธิพลของสื่อโฆษณาต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นได้ชัดเจนที่สุด

• 1. วัยรุ่นเลือกซื้อสินค้าตามความจำเป็นเท่านั้น
• 2. วัยรุ่นหลีกเลี่ยงสื่อโฆษณาโดยสิ้นเชิง
• 3. วัยรุ่นนิยมซื้อสินค้าตามโฆษณาที่ดารานิยมใช้
• 4. วัยรุ่นไม่เชื่อโฆษณาเพราะรู้ว่าเกินจริง

ข้อใดต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของโฆษณาที่ส่งเสริมสุขภาพ

• 1. โฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังสำหรับเด็ก
• 2. โฆษณานมที่ส่งเสริมให้ดื่มวันละ 2 แก้ว
• 3. โฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลดครึ่งราคา
• 4. โฆษณาขนมกรุบกรอบที่มีของรางวัล

สื่อโฆษณาประเภทใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่น

• 1. โฆษณาทางโทรทัศน์
• 2. โฆษณาทางแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย
• 3. โฆษณาทางวิทยุ
• 4. โฆษณาทางหนังสือพิมพ์

นักเรียนควรใช้หลักเกณฑ์ใดในการวิเคราะห์ว่าโฆษณาน่าเชื่อถือหรือไม่

• 1. มีแหล่งข้อมูลหรือผลวิจัยรองรับ
• 2. สินค้ามีราคาแพง
• 3. มีผู้ใช้จำนวนมาก
• 4. มีโปรโมชั่นแถมของรางวัล

การพิจารณาความน่าเชื่อถือของโฆษณาควรดูจากดาราหรือคนดังที่มานำเสนอเป็นหลัก

แนวทางใดที่เหมาะสมในการจัดการกับสื่อโฆษณาที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

• 1. หลีกเลี่ยงไม่ดูสื่อทุกชนิด
• 2. ซื้อสินค้าก่อนแล้วค่อยวิเคราะห์ทีหลัง
• 3. ดูเฉพาะโฆษณาที่น่าสนใจ
• 4. ใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และมีวิจารณญาณในการเลือกบริโภค

ข้อใดคือทักษะที่จำเป็นในการใช้สื่อโฆษณาอย่างปลอดภัยในยุคดิจิทัล พ.ศ. 2568

• 1. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแยกแยะความจริงจากโฆษณา
• 2. ความสามารถในการแชร์สื่อได้อย่างรวดเร็ว
• 3. ความสามารถในการเข้าถึงโฆษณาจากหลายแพลตฟอร์ม
• 4. ความสามารถในการจดจำสโลแกนสินค้า

หากโฆษณาสินค้ามีข้อความว่า “ใช้แล้วเห็นผลใน 1 วัน” ควรเชื่อทันทีเพราะแสดงถึงประสิทธิภาพที่สูง

ปี พ.ศ. 2568 บริษัทต่าง ๆ เริ่มใช้ “Deepfake” หรือ AI สร้างภาพเคลื่อนไหวของดาราที่ไม่ได้ร่วมงานจริง เพื่อโปรโมตสินค้า การกระทำนี้อาจส่งผลกระทบในด้านใดมากที่สุด

• 1. เพิ่มยอดขายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
• 2. ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
• 3. ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
• 4. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิง

โฆษณาที่มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลวิชาการ หรือผลการวิจัยที่ตรวจสอบได้ ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น