ข้อใดไม่เป็นการโต้เเย้ง

• การแสดงทรรศนะที่แตกต่างกัน ระหว่างบุคคล ๒ ฝ่าย
• การพยายามให้ ข้อมูล สถิติ หลักฐานเหตุผล
• การสนับสนุนทรรศนะของตนเองและคัดค้าน ทรรศนะของอีกฝ่ายหนึ่ง
• การให้ข้อมูลโดยการบรรยายตามลำดับขั้นตอน

ข้อใดไม่ใช่ประเภทของการโต้เเย้ง

• การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเสนอให้เปลี่ยนแปลงสภาพเดิม
• การโต้แย้งเกี่ยวกับคุณค่า
• การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง
• การโต้เเย้งเกี่ยวกับความรู้สึก

หากต้องการโต้เเย้งให้สำเร็จนักเรียนควรทำอย่างไร

• ชี้ให้เห็นจุดอ่อนและความผิดพลาดของทรรศนะของฝ่ายตรงข้าม
• ตั้งประเด็นในการโต้แย้งให้น่าสนใจ
• ค้นหาและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตนเยอะๆ
• หานิยามคำสำคัญจำนวนมาก

ข้อใดเป็นมารยาทการใช้ภาษาในการโต้เเย้ง

• ใช้ภาษาด้วยความระมัดระวังให้สุภาพ เพื่อแสดงความอ่อนน้อม
• ใช้คำเสียดสีอีกฝ่าย
• ใส่อารมณ์ในการใช้ภาษา
• ใช้ภาษาหนักเเน่น ประชดประชัน

ข้อใดไม่ใช่มารยาทที่สำคัญในการโต้เเย้ง

• เเพ้ชนะกันด้วยเหตุผล
• ควบคุมอารมณ์
• วางจิตใจให้เป็นกลาง
• ใช้ภาษาได้ตามความสนิทสนม

นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่กับความรักของนางมัทนา "ยอมตายดีกว่าอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก" เพราะเหตุใด

• เห็นด้วย

• ไม่เห็นด้วย

นักเรียนคิดว่ารักของสุเทษณ์กับรักของนางมัทนา ความรักใดเป็นรักที่ดี เพราะเหตุใด

• ความรักของสุเทษณ์

• ความรักของนางมัทนา

นักเรียนคิดว่าเรารักเขาหรือเขารักเรา ความรักเเบบใดที่เหมาะสมกับคนในสมัยปัจจุบัน เพราะเหตุใด

• เรารักเขา

• เขารักเรา

• ทั้งสองรักกัน

ข้อใดเป็นขั้นตอนเเรกของกระบวนการโต้เเย้ง

• การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง
• การนิยามคำสำคัญที่อยู่ในประเด็นของการโต้แย้ง
• การค้นหาและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตน
• การชี้ให้เห็นจุดอ่อนและความผิดพลาดของทรรศนะของฝ่ายตรงข้าม

การโต้แย้งยุติลงได้ โดยการวินิจฉัยของบุคคลที่โต้แย้งกันเอง ใครมีเหตุผลดีกว่าทรรศนะนั้นก็เป็นที่ยอมรับใช่หรือไม่